ศึกบอลเอฟเอคัพ รอบห้า เป็นการพบกันระหว่าง ปีเตอร์โบโรห์ ยูไนเต็ด ที่เปิดสนามเวสตัน โฮล์มส์ สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ฝั่งปีเตอร์โบโรห์ เจ้าบ้านจัดทีมในระบบ 3-4-3 โดยมี ควาเม โพคู, ริคกี้ เจด-โจนส์, แซมมี ชโมดิส เป็นสามประสานในแนวรุก
ทางด้านเรือใบสีฟ้า ผู้มาเยือนเลือกใช้แผน 4-3-3 เช่นกัน วาง แจ็ต กรีลิช, กาเบรียล เชซุส, ริยาด มาห์เรซ เป็นสามประสานในแนวรุก
ผลปรากฎว่า ครึ่งแรกยังเท่ากัน 0-0 แล้วหลังจากนั้น ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ออกนำในนาที 60 จากความรู้ความเข้าใจเฉพาะตัวของ ริยาด มาห์เรซ ที่รับบอลจาก ฟิล โฟเด้น ก่อนเลี้ยงเข้าจุดโทษฝั่งขวาแล้วยิงเร็วส่งบอลเข้าเสาไกลชนิด สตีเว่น เบนด้า นายทวารเจ้าถิ่นได้เพียงแต่มองดู
อีก 3 นาทีต่อมา แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นอีก แจ็ค กรีลิช ไหลบอลเข้าจุดโทษให้ มาห์เรซ ตามไปยิงด้วยขวา แต่ว่าบอลโด่งข้ามคานออกหลังไป
แมนฯ ซิตี้ นำ 2-0 ในนาที 68 ฟิล โฟเด้น โยนบอลยาวเข้าจุดโทษให้ แจ็ค กรีลิช ดูดบอลลงอย่างนิ่มนวลก่อนยิงด้วยซ้ายผ่านตัว สตีเว่น เบนด้า เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม
ปีเตอร์โบโร่ เกือบตีไข่แตกได้ในนาที 72 จาก แจ็ค แมร์ริอ็อตต์ ผู้เล่นสำรองที่พึ่งจะลงมา สบโอกาสยิงในจุดโทษ เอแดร์ซอน จำต้องออกแรงทุบทิ้งเอาไว้
แล้วหลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ ปิดเกมเอาชนะไปได้ 2-0 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนที่สุดสัปดาห์นี้จะเปิดศึกดาร์บี้แมตช์ปะทะ แมนฯ ยูไนเต็ด
ผลเอฟเอคัพ คู่อื่นๆมีดังนี้
คริสตัล พาเลซ ชนะ สโต๊ก ซิตี้ 2-1
มิดเดิลสโบรห์ เสมอ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ 0-0 (ขยายเวลาพิเศษ มิดเดิลสโบรห์ ชนะ 1-0)